คอมมูนิตี้มอลล์ ไทยแลนด์
ธุรกิจค้าปลีกอีกแขนงหนึ่ง ที่เรียกกันติดปากว่า "คอมมูนิตี้มอลล์ " ( Community Mall ) นั้นเป็นกระแสที่นักลงทุนทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด นั้นให้ความสนใจเยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกลุ่มผู้พัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์ ทั้งคอนโดและหมู่บ้านจัดสรร ต้องการจะนำ คอมมูนิตี้มอลล์ เป็นจุดขายสำหรับโครงการ
ในกรุงเทพฯ นั้นบางพื้นที่การแข่งขันค่อนข้างสูง แล้วพื้นที่ค่อนข้างหายากรวมถึงปัจจัยต่างๆ เช่น กฎหมายค้าปลีกค้าส่ง, เป็นต้น ฉะนั้นผู้ที่ประกอบธุรกิจประเภทนี้จะต้องศึกษารายละเอียดต่างๆ ปัจจัยต่างๆ ของการทำธุรกิจนี้อย่างรอบคอบ ก่อนลงมือทำ ธุรกิจนี้ไม่ใช่แค่การเช่าซื้อเท่านั้น ไม่เหมือนการขายคอนโดหรือหมู่บ้านจัดสรรที่ขายโครงการหมดแล้วจบกัน แต่ธุรกิจนี้อยู่กับชุมชนหรือลูกค้าในพื้นที่นั้นๆ ตลอดไม่ใช่คิดว่าจะเปิดก็เปิดทำง่ายๆที่ไหนถ้าคุณไม่มีที่ปรึกษามืออาชีพเข้ามาให้คำชี้แนะก็จะประสบปัญหาเหมื่อนกับหลายๆเจ้าที่ได้ดำเนินการไปแล้ว
ว่ากันว่าขณะนี้มีผู้ประธุรกิจประเภทนี้เป็น NPA กว่า 70% กันเข้าไปแล้วใกล้จะเป็น NPL กันแล้วเพราะอะไรจึงเกิดสภาวะเช่นนี้ โดยปกติธุรกิจประเภทนี้อัตราการเข้าครอบครองพื้นที่นั้นจะอยู่ที่ 75 % ของพื้นที่ ส่วนที่เหลืออีก 25 % เป็นอัตราหมุนเวียนของร้านค้าต่างๆ โครงการที่ประสบปัญหาต่างๆนั้นมีดังนี้
1. ทำเลสถานที่ตั้งไม่ดี อาทิ อยู่ในถนนซอยบ้าง, อยู่ในบริเวณที่การสัญจรไม่เอื้ออำนวยต่างๆ
2. ไม่มีแม่เหล็ก ( Magnet ) เพื่อดึงดูดคนเข้าโครงการ อาทิ Supermarket หรือร้านค้าแบรนด์ดัง
3. ไม่มีผู้บริหารมืออาชีพ เข้ามาบริหารจัดการ ( การกำหนดกลยุทธทางการตลาด และด้านอื่นๆ )
4. ขาดการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ( ยุคนี้ช่องทางการสื่อสารนั้นมีหลายช่องทาง หลายช่องทางฟรี )
5. ราคาค่าเช่าที่สูงเกินความจริง ( จงอย่าลืมว่าคุณไม่ใช่ เซ็นทรัลหรือเดอะมอลล์ คุณคือผู้ประกอบการ
ใหม่ หรือคิดว่าจะเรียกค่าเซ้งจาการทำโครงการนั่นยิ่งเป็นไปได้ยาก )
6. การแข่งขันในพื้นที่ค่อนข้างสูง ทั้งคู่แข่งทางตรง ทางอ้อม
ฉะนั้นผู้ที่จะลงทุนในธุรกิจประเภทนี้ต้องมีปัจจัยต่างๆ ต่อไปนี้
1. ที่ดินอย่างน้อย 4 ไร่ หน้ากว้างอย่างน้อย 70 เมตร
2. อยู่ในทำเลที่อยู่ติดถนนสายหลักและสายรอง
3. ต้องมีงบลงทุนอย่างน้อย 100 ล้านบาทขึ้นไป
4. ต้องมีผู้บริหารมืออาชีพ หรือ จ้างตัวแทนการจัดหาร้านค้า หรือ ที่ปรึกษาโครงการ
5. ต้องกล้าที่จะรับแนวความคิดใหม่ๆ กล้าลงทุน จ้างสถาปนิกชั้นนำออกแบบ
6. การศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ
ยกตัวอย่างถ้าคุณอยากได้ คอมมูนิตี้ มอลล์ แบบ The Circle หรือ Frstival Walk ที่เป็น " Lifestyle Center " คุณต้องมีงบลงทุนอย่างน้อยก็ 250 - 400 ล้านบาท เพราะฉะนั้นจึงต้องตอบตัวเองก่อนว่าจะลงทุนธุรกิจประเภทนี้คุณมีความพร้อมตามที่กล่าวมาด้านบนหรือยัง
หรืออยากจะทำธุรกิจนี้ แต่มีความพร้อมระดับนึงไม่สามารถลงทุนในระดับเกินกว่า 100 ล้านก็ต้องทำใจไว้้ว่าคงทำออกมาไม่เหมือนกับ คอมมูนิตี้ มอลล์ ชั้นนำได้ ดีที่สุดก็คงเป็นลักษณะ " Neighborhood Center " ประมาณนึงเท่านั้น
ADMIN